วันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2553

แคร์คืออะไร

คริสเตียนในครอบครัวความหวังล้วนคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับการเข้าร่วมกลุ่มสามัคคีธรรมที่เรียนว่า กลุ่มสร้างสรรค์ชีวิต หรือ กลุ่มแคร์ 

ภาพการทำแคร์ของทีมนมัสการ

สามัคคีธรรม หมายถึง การมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมกันจนถึงระดับที่มีการเข้าส่วนร่วมชีวิต เป็นหุ้นชีวิตของกันและกัน จนแสดงออกมาเป็นการกระทำที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แบ่งเบาภาระปัญหากันร่วมรับรู้ พระเจ้าปราถนาให้ชีวิตคริสเตียนสามัคคีธรรมกับพระองค์และต่อกันอย่าลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อชีวิตของเราจะได้รับการเสริมสร้างและพัฒนาให้ถึงความไพบูลย์ในพระเยซูคริสต์


ในกลุ่มแคร์มีสมาชิกประมาณ 5-10 คนนั้น สมาชิกแต่ละคนสร้าความสัมพันธ์กันและรู้จักกันอย่างทั่วถึง ทำให้เกิดการแบ่งปันประสบการชีวิต การเรียนรู้พระเจ้าของตนเองในชีวิตประจำวัน คำพยานเรื่องการอัศจรรย์ และการช่วยเหลือของพระเจ้าในด้านต่างๆ มีโอกาสแบ่งเบาภาระร่วมทุกข์ร่วมสุขในปัญหารวมทั้งพระพรของพี่น้องในทุกๆอย่างอย่างจริงใจ นอกจากนี้ยังรวมถึงความช่วยเหลือในภาคปฏิบัติแก่กันและกันนอกเวลาการประชุมด้วย


กุญแจแห่งการสามัคคีธรรม


1. การสามัคคีธรรมที่แท้จริง (1ยน.1:3-4 )
พระองค์ตรัสว่า เรานี่แหละ คือ ชีวิตนิรันดร์ คือที่เรารู้จักพระองค์ผู้ทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว การดำเนินชีวิตคริสเตียนที่แท้จริงจะต้องรักษาวิถีให้อยู่ในความสัมพันธ์กับพระเจ้าอย่างต่อเนื่องและมีความสามัคคีธรรมแท้จริงในชีวิต “การรักษาการสามัคคีธรรมนำเราสู่ความรอดอันสมบูรณ์ ก็คือ การสามัคคีธรรมกับพี่น้องผู้เชื่อ”


2. การแสดงออกในการดำเนินชีวิตแห่งการสามัคคีธรรมแท้จริง (1ยน.1:5-2:11)


3. “ดำเนินชีวิตอยู่ในความสว่างจึงเป็นการดำเนินชีวิตอยู่บนความจริงแห่งสัจธรรมเพื่อแสดง ถึงความดีทางด้านจริยธรรม” (ฮบ 9:14, กจ.20:28)


อย่ามัวรีรอหรือประนีประนอมในการดำเนินชีวิตอยู่กึ่งกลางระหว่างชีวิตเก่าและชีวิตใหม่


4. กุญแจที่นำให้สัมผัสกับความรักจากพระเจ้า คือ การเชื่อฟังและแสดงออกด้วยการมีชีวิตที่ประพฤติตามพระวัจนะ


5. การมีสามัคคีธรรมกันอย่างลึกซึ้งมิได้เกิดขึ้นเฉพาะเพียงการมาร่วมกลุ่มสามัคคีธรรม(ลนต.19:18)

วันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2553

ประโยชน์ของการอ่านพระคัมภีร์

1 พระคัมภีร์เป็นอาหารฝ่ายจิตวิญญาณ
มธ.4:4 พระเยซูตรัสว่า “มนุษย์จะบำรุงชีวิตด้วยอาหารสิ่งเดียวหามิได้แต่บำรุงด้วยพระวจนะทุกคำ ซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า” ทำไมมนุษย์จึงไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยอาหารเพียงอย่างเดียว ทำไมอาหารจึงไม่เพียงพอต่อชีวิตของมนุษย์ ก็เพราะว่าชีวิตของมนุษย์มิได้ประกอบไปด้วยร่างกายเพียงอย่างเดียว แต่ชีวิตของเราประกอบไปด้วย 3 ส่วนคือ ร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ อาหารเพียงอย่างเดียวจึงไม่เพียงพอสำหรับชีวิตของมนุษย์ จิตใจต้องการความสัมพันธ์กับผู้อื่น และจิตวิญญาณต้องการพระคำของพระเจ้า คือ พระคัมภีร์ ที่หล่อเลี้ยงชีวิตฝ่ายวิญญาณของเราให้เติบโตขึ้นเหมือนทารกแรกเกิดที่ต้องการน้ำนม ชีวิตฝ่ายวิญญาณของเราก็ต้องการอาหารคือ พระคำของพระเจ้า 1ปต.2:2 ในฐานะคริสเตียน เราจึงเป็นคนฝ่ายวิญญาณ และเราต้องการอาหารฝ่ายวิญญาณคือพระคัมภีร์ ถ้าหากร่างกายเราขาดอาหารไม่ได้ จิตวิญญาณเราก็ขาดการอ่านพระคัมภีร์ไม่ได้เช่นเดียวกัน พระคัมภีร์จึงเป็นความจำเป็นของการดำเนินชีวิตคริสเตียนเพราะเป็นอาหารของเรา เราจึงต้องอ่านพระคัมภีร์ทุก ๆ วัน ไม่ควรขาด

2 พระคัมภีร์นำทิศทางให้แก่ชีวิตของเรา
สดด.119:105 “พระวจนะของพระองค์เป็นโคมส่องเท้าของข้าพระองค์ และเป็นความสว่างแก่มรรคาของข้าพระองค์” พระคัมภีร์เปรียบเหมือนความสว่างและโคมส่องทาง เพื่อจะนำทิศทางให้แก่ชีวิตของเราไปในทางที่ถูกต้องตามที่พระเจ้าต้องการ หลายครั้งเราต้องตัดสินใจและเราไม่รู้ว่าควรจะเลือกเดินทางไหนดี แต่เมื่อเราอ่านพระคัมภีร์ เราจะเข้าใจทางที่เราควรจะเดินไป เพราะพระคัมภีร์จะส่องสว่างแก่เรา เราจึงควรอ่านพระคัมภีร์สม่ำเสมอเพื่อเข้าใจแผนการของพระเจ้า


3 พระคัมภีร์เป็นเหมือนกระจกเงา
ทุกครั้งที่เราอ่านพระคัมภีร์ พระคัมภีร์จะเป็นกระจกที่ส่องให้เราเห็นว่าพระเจ้าดีอย่างไร และเห็นตัวเราเองว่าเป็นอย่างไร มีอะไรบกพร่องที่จะต้องเปลี่ยนแปลง และเราจะเปลี่ยนอย่างไร ยก1:23 พระคัมภีร์จึงจำเป็นมากสำหรับชีวิตคริสเตียนที่เราขาดไม่ได้

4 พระคัมภีร์จะเตรียมชีวิตเราให้พรักพร้อมเพื่อจะทำการดีทุกอย่าง
2ทธ.3:16-17 “พระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้าและเป็นประโยชน์ ในการสอน การตักเตือนว่ากล่าว การปรับปรุงแก้ไขคนให้ดี และการอบรมทางธรรม เพื่อคนของพระเจ้าจะพรักพร้อมที่จะกระทำการดีทุกอย่าง” พระคัมภีร์เป็นพระคำของพระเจ้ามีฤทธิ์เดช ที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราได้อีกทั้งยังตักเตือนว่ากล่าว ปรับปรุงแก้ไขให้เป็นคนดี และให้ดำเนินชีวิตอยู่ในความชอบธรรมตามน้ำพระทัยของพระเจ้า เพื่อที่จะรู้จักพระเจ้าและน้ำพระทัยของพระองค์ เพื่อที่จะเป็นคนชอบธรรมในสายพระเนตรของพระเจ้าได้ ด้วยการอ่านและประพฤติตามพระวจนะของพระเจ้าในพระคัมภีร์ทุก ๆ วันในสิ่งที่เรายังบกพร่อง


5 พระคัมภีร์จะเปลี่ยนแปลงลักษณะชีวิตให้เป็นเหมือนพระเจ้า
พระเยซูตรัสว่า “เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงเป็นคนดีรอบคอบเหมือนอย่างพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์เป็นผู้ดีรอบคอบ” เมื่อเรามาเป็นคริสเตียนพระเจ้าเรียกร้องให้เรามีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงใหม่ให้เป็นคนดีเหมือนพระเจ้า พระเจ้ามิได้คาดหวังว่า เราจะเปลี่ยนทันทีทันใด แต่พระเจ้าคาดหวังให้เรามีการพัฒนาชีวิตที่มากขึ้นเรื่อยๆ และเราจะเป็นคนดีรอบคอบได้ก็ต่อเมื่อเราอ่านพระคัมภีร์และตอบสนอง